"สู่ขวัญ บูลกุล" ในวัย 50 รู้สุขรู้ทุกข์ ออกแบบการจากลาของตัวเองไว้แล้ว ไม่อยากกลับมาเกิดอีก
เป็นเพศหญิงต้นแบบของผู้หญิงผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยในยุคนี้ สำหรับ “สู่ขวัญ บูลกุล” ที่ปีนี้ย่างเข้าเลข 5 แล้ว สู่ขวัญได้มาเปิดใจในรายการ WOODY FM ถึงเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา ทั้งสุข รวมทั้ง ทุกข์ รวมถึงการผ่านวาระของการจากลา ที่เป็นตอนๆที่ทุกข์ที่สุดในชีวิต จนกระทั่ง ไม่คิดต้องการจะเกิดมาอีกแล้ว
ชอบพลังงานดี ๆ ในวัยนี้?
“ใช่ พวกเราคิดว่า ยิ่งพวกเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เรายิ่งชอบตัวเองมากเพิ่มขึ้น
ยุคเก่าคำว่า รักตัวเอง พวกเราไม่เก็ตเลย มันยังไง มีความหมายว่าอะไร ฉันจำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อตัวเองเหรอ สุข ทุกข์ ที่มันผ่านมาในชีวิตพวกเรา ทำความเข้าใจกับมัน ตอนทุกข์ ก็ทุกข์ ตอนสุข ก็สุข แต่มันทำให้เราเข้าใจชีวิต แล้วก็ รู้จักชีวิต
กระทั่งมาเป็นวันนี้ พวกเราไม่ได้เพอร์เฟกต์ และ ไม่ได้มีทุกอย่าง แต่พวกเราก็เดิน ก้าว ผ่านผ่านทุกอย่างมาได้ บางทีก็ไปได้อย่างเร็ว บางทีก็ไปได้ช้า บางทีก็จำเป็นต้องลงไปพักก่อน ลุกไม่ไหว แต่สุดท้ายเราก็ผ่านหลายอย่างมาแล้ว
จะเรียกว่าภูมิใจก็ได้ จะเรียกว่า พวกเรารู้จักชีวิตก็ได้ เราไม่ค่อยกลัว ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราเชื่อว่ามันจะผ่านไปได้ ทั้งหมดจะเป็นเรื่องราวในชีวิตที่สุดท้าย พวกเราจะทราบว่าที่มาถึงวันนี้ เป็นเนื่องจากตัวเรา
เพราะเหตุว่าการพูดถึงชีวิตมันไม่มีใครช่วยเหลือกันได้นะ คุณจำต้องเดินไปด้วยตัวเอง ทุกปัญหา ทุกอุปสรรค มีคนยื่นกำลังใจได้ ให้คำแนะนำได้ ให้ความรักได้ แต่คนที่ในที่สุดจำเป็นต้องยืนขึ้น และเดินไปเองให้ได้คือ เรา”
จริง ๆ แล้วชีวิตมนุษย์ มันมิได้ยากอย่างที่คิด แค่อยู่กับสิ่งที่พวกเรามีอยู่?
“มันอาจจะเป็นสิ่งที่ดี ที่สุด ที่พวกเราทำเป็นก็ได้ แต่เราบากบั่นที่จะคิดทำอะไรให้มันยากไปอีก มันจำเป็นต้องค้นหาวิธีการ หรือยังไง แต่สุดท้าย มันก็คืออยู่กับโมเมนต์นั้น ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะ สุข หรือ ทุกข์ มันจะผ่านไปทุกวินาที อันนั้นแหละ คือดีที่สุดแล้ว ที่พวกเราจะทำได้”
“สู่ขวัญ บูลกุล” เคยบอกไว้ว่า อีก 5 ปีจะออกจากวงการ ในตอนนี้ยังเหลืออีก 1 ปี แต่ สู่ขวัญ ก็ไม่เชิงว่า อยู่ในวงการ?
“(หัวเราะ) ยังคิดอยู่เสมอเวลา ยังคิดอยู่เรื่อยนะ ถ้าเกิดพวกเราไม่ทำอะไรทุกอย่าง ที่เราทำอยู่ในเวลานี้ จะคืออะไร แต่ขวัญพบว่าเราชอบรักคนที่ปฏิบัติงานด้วยเสมอเลย มันเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งไป ไม่ใช่ว่าเราอยู่ในแวดวง หรืออะไร ขวัญเป็นคนโชคดี เรื่องคน ทุกครั้ง คนที่ขวัญปฏิบัติงานด้วย จะกลายเป็นเพื่อนในชีวิตจริงไปหมดเลย ด้วยเหตุผลดังกล่าวการออกจากแวดวงมันยากตรงที่พวกเขาเป็นเพื่อนพวกเรา การที่ไปปฏิบัติงานเหมือนการได้ไปเจอเพื่อน ซึ่งเราก็รักเขา แล้วก็ ยังต้องการพบเขาอยู่เป็นประจำ”
ชีวิตโดยรวมยังมีอะไรที่รู้สึกอยากจะค้นหาอีกไหม?
“ขวัญว่าพวกเราไม่ต้องไปค้นหรอกค่ะ ชีวิตมันใส่อะไรให้พวกเรามาตลอด โดยที่พวกเราไม่ต้องค้นหา ขวัญว่าเราจัดการมันให้ได้ดีกว่า ยิ่งโตขึ้น ประสบการณ์ชีวิตมากยิ่งขึ้น สิ่งที่ชีวิตมันโยงให้เรา มันบางทีก็อาจจะสลับซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น ทำไมที่มันผ่านมาแล้ว มันง่ายไปแล้ว พวกเราก็จะไม่ไปโฟกัสกับมัน เราจะก้าวผ่านผ่านมันไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความอุตสาหะแล้ว พวกเรารู้ พวกเราเข้าใจว่าเราจะผ่านมันไปยังไง เรารู้เราเข้าใจว่าพวกเราจะคิดกับเรื่อง ๆ นั้นยังไง ชีวิตมันยังเป็นอะไร ที่อเมซิ่งเสมอ
ถึงปีนี้ ขวัญ 50 ปี ขวัญก็ไม่เชื่อว่า ขวัญเข้าใจชีวิตดี เพียงแต่แต่ว่า เราเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับ สุข รวมทั้ง ทุกข์ พอใจ ไม่พอใจ เสร็จ และ ผิดหวัง รู้ว่าจะอยู่กับสิ่งต่าง ๆ และอารมณ์ต่าง ๆ พวกนี้อย่างไร แต่พี่ขวัญก็ไม่เชื่อว่า พี่ขวัญเข้าใจชีวิตได้ดี เราเชื่อว่ามันยังมีอีกเยอะแยะ เพียงแต่เมื่อเรามาถึงบางขณะ บางคราว เมื่อพวกเราจำต้องพบอะไร เราก็จะเจอสิ่งนั้นเอง”
4 ปีที่ผ่านมา เรื่องที่ทุกข์ที่สุด คืออะไร ก้าวผ่านยังไง?
“ทุกข์ที่สุดคือ เรื่องของการจากไปของพ่อกับแม่ เพราะเหตุว่าภายใน 3 ปี ที่ผ่านมา เสียเรียงกันเลยค่ะ ป๋าเสียไปก่อน พ่อเสียปี 2019 ม่าม้าเสียปีที่แล้ว ถือเป็นการสูญเสีย ที่มันก็ให้ความจริงของชีวิตจริง ๆ
ด้วยเหตุว่าสำหรับขวัญพ่อสำคัญมากในชีวิต แต่พวกเราก็รู้มาตลอด เนื่องจากป๋าไม่ได้ทันควัน แต่แกป่วยมาหลายปีแล้ว พวกเราก็รู้ว่ามันมีวันใดวันหนึ่งแน่นอน ก็คุยกับตัวเองว่า สิ่งที่จะทำให้เราเสียใจ คือใน เวลาที่เรามีอยู่ ทำไมเราถึงไม่ทำ
ตอนที่คุณพ่อยังอยู่ ใน วันเวลานั้น ณ สภาพแวดล้อมนั้น ใน ความรู้ความเข้าใจในตอนนั้นทุกอย่างที่พวกเราพอจะทำได้ เราว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว เมื่อพ่อจากไป พวกเราก็คงจะเดินต่อไปได้ ซึ่งพวกเราก็เดินต่อไปได้จริง ๆ ค่ะ แต่ความทุกข์ใจมันหนักมากมาย ราวกับว่าบางอย่าง ฉีก แล้วหายวับไปเลยจากชีวิต ชีวิตมันต่อรองไม่ได้จริง ๆ เรื่องความจริงชีวิต มันต่อรองมิได้จริง ๆ มีบางอย่างฉีกขาดหายวับไปกับตาเลย ขนาดว่าพวกเราเตรียมความพร้อมมาอย่างดีแล้ว พวกเราก็ยังมีความรู้สึกว่า มันส่งผลกระทบกับพวกเราม๊าก…มากๆๆๆ
พวกเราทำทุกอย่างมาอย่างดี จัดแจงใจมาอย่างดี ขณะนั้นไม่มีฟูมฟาย จนกระทั่ง ลอยอังคารเสร็จเหมือนทุกอย่างมันถั่งโถม พวกเรารู้สึกได้เลยว่า นี่คือความทุกข์ใจ ถ้าหากจะเป็นความทุกข์แบบไหน ที่เราคิดว่าไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกแล้ว
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาพบกับความทุกข์ทรมานอย่างงี้อีก เนื่องจากมันหนัก ยิ่งพวกเรามองเห็นลูกเราระทด จากที่เราสลดอยู่แล้ว มันยิ่งเศร้าไปอีกเท่านึง เรายิ่งจำต้องอดทน พี่ขวัญบอกเลยว่า ความทรหดอดทนของมนุษย์ไม่มีขีดจำกัด”
“สู่ขวัญ” มีคุยกับสามีแล้ว หากเธอรั้งฉันไว้ ฉันจะกลับมาหลอก?
“ใช่ ก็คุยกับพี่โชคไว้ พี่โชคเขาจะพูดว่ามิได้สิ ถ้าเกิดเรายังมีโอกาส เราจะต้องทำแบบเต็มที่ ทำสุดความสามารถ ที่พวกเราจะทำเป็น ได้โอกาสเราจำเป็นต้องสู้ ขวัญก็บอกว่า เดี๋ยวก่อนค่ะ สู้นี่ดิฉัน ฉันทรมานนะคะ ทุกวันนี้ขวัญดำเนินชีวิตอย่างรู้คุณค่าของชีวิต ที่ผ่านมา ก็มิได้เสียใจกับเรื่องอะไร ก็ทำเต็มที่ ทุกวันนี้ตื่นมารู้สุข รู้ทุกข์ ในแต่ละวัน เมื่อมีความสุขก็รู้คุณค่าของความสุข เมื่อพบความทุกข์ ก็เข้าใจว่านี่ล่ะ คือการเล่าเรียนของชีวิต ไม่เคยประมาทกับมัน ไม่เคยไม่เห็นคุณค่าของชีวิต
ถ้าวันนึงพวกเราเป็นอะไรไป แล้วมันจะต้องเป็นความทรมาน สำหรับการรักษา แม่รู้สึกว่าแม่โอเค ปลดปล่อยเหอะ บากบั่นบอกกับลูกไว้ แต่กับสามีดูแบบเหมือนจะต้องรักษาไหม พวกเราเลยจำต้องใช้มุก ถ้าเกิดมายืดแบบทรมานนะ รับประกัน พี่ล้างหน้าล้างตาอยู่เงยขึ้นมา พี่มองเห็นขวัญอยู่ข้างหลังแน่ๆ คือขู่ไว้ก่อนเลย พี่จะเจอกับขวัญอีกภาคนึงแน่นอน”
แล้วสุขในแต่ละวันของเรา?
“แค่ทุกตอนเช้า มีกาแฟก็แฮปปี้แล้ว นี่คือสิ่งที่พี่ขวัญมีความสุข ในทุก ๆ ตอนเช้าของวัน ตื่นเช้ามาทำนั้นทำนี้ ทำครัวเสร็จ ก็นั่งทานกาแฟ นั่งมองต้นไม้ ได้นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆอากาศดี ก็แฮปปี้ แดดดีก็งาม วันนี้ครึ้ม ๆ มันก็เป็นอีกแบบนึง หนาวนี้หนาวอยู่นับเป็นเวลาหลายวัน ก็รู้สึกโชคดี ที่ปีนี้หนาวนาน ยังแฮปปี้กับโมเมนต์นั้นดังเดิม ถ้าหากสู่ขวัญ อาทิตย์หน้าต้องตายแล้วนะ อะไรบ้างที่เรานึกถึง บางครั้งอาจจะนึกถึงตอนที่พวกเรานั่งรับประทานกาแฟเฉยๆของพวกเราผู้เดียว รุ่งอรุณ นั่งมองดูต้นไม้ แล้วคิดโน่น คิดนี่ไป”
มันเรียบง่ายเหลือเกิน?
“ขวัญคิดว่า ขวัญโชคดี ที่ว่าหากความสุขของขวัญ มันง่ายแค่นี้มันก็กลายเป็นขวัญ มีความสุขได้ทุกวันเลยเนอะ ถึงแม้ว่าจะพวกเรามีเรื่องทุกข์อยู่ พวกเราก็จะตื่นมาแล้วมีโมเมนต์นั้น เป็นช่วงๆที่เราได้อยู่เงียบๆแล้วคิด ปล่อยวางกับอะไรบางอย่าง คิดที่จะช่างเถอะ รวมทั้งเห็นด้วยกับความมิได้ดั่งใจนั้น ถึงแม้ว่าจะมันเป็นสุข หรือ ทุกข์ มันก็เป็นจังหวะที่ดี เป็นโมเมนต์ที่ดี ทุกวันที่เรามีอยู่ในวันแล้ววันเล่า”